ยังมีแสง

มีพระอาจารย์รูปหนึ่งแตกฉานในพระไตรปิฎกมาก คราวหนึ่ง ศิษย์ของท่านรูปหนึ่งได้ไปศึกษาเซ็น เมื่อสำเร็จผลแล้วก็กลับมาปฏิบัติรับใช้อาจารย์เดิมของตน วันหนึ่งท่านอาจารย์องค์นั้นกำลังค้นคว้าพระไตรปิฏกอยู่ในห้อง ก็มีผึ้งตัวหนึ่งกำลังบินวนเวียน เพื่อจะหาทางออกให้พ้นจากห้อง ผึ้งบินไปบินมาชนกับกระดาษแก้วที่หน้าต่าง วนเวียนไปมาหาทางออกไม่ได้ ศิษย์ผู้นั้นจึงกล่าวว่า

“ผึ้งตัวนี้โง่จริง มาบินหาทางออกในที่ๆ ไม่ใช่ทาง เพราะติดอยู่เพียงกระดาษแก้ว จะมามัวชอนไชหาประโยชน์อะไร?”

ศิษย์หมายเตือนอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์ก็ยังไม่เข้าใจ

วันหนึ่งท่านอาจารย์อาบน้ำอยู่ ก็เรียกศิษย์ผู้นั้นมาขัดถูตัวให้ ศิษย์ขัดถูไปก็พูดขึ้นมาลอยๆ ว่า

“น่าเสียดาย วิหารสวยๆ ใหญ่ๆ เช่นนี้แต่ไม่มีพระพุทธรูปไว้บูชา”

อาจารย์ได้ยินก็หันมามองดูศิษย์ แต่ศิษย์กลับพูดต่อไปอีกว่า

“ถึงแม้ว่าไม่มีพระพุทธรูป แต่ก็ยังมีแสงสว่าง”

อาจารย์อดไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า

“เจ้าพูดอะไรกัน ตั้งแต่เจ้าไปเรียนเซ็นมานี่ ดูเจ้าแปลกไป ที่เจ้าพูดตะกี้นี้เจ้าหมายความว่าอะไร ?”

“ท่านอาจารย์ ท่านมีอุปการะคุณมาก ผมจะบอกความจริงให้ ที่ท่านอาจารย์ใช้เวลามากมายศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะท่านอาจารย์จะได้เพียงปัญญาที่เกิดจากการฟังและการนึกเท่านั้น แต่ปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัตินั้นท่านอาจารย์ไม่มีเลย ผมจึงว่าเสียดายวิหารใหญ่ไม่มีพระพุทธรูป คือขาดความรู้แจ้งเห็นจริงในใจท่านเอง แต่ท่านอาจารย์ยังรู้สึกเอะใจ แสดงว่าท่านยังมีเชาว์รู้เท่าอยู่บ้าง ผมจึงว่าแม้จะขาดพระพุทธรูปแต่ก็ยังมีแสงสว่าง”

นิกายเซ็นถือว่าการเขย่าธาตุรู้ในตัวเอง ซึ่งมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ให้ผุดขึ้นมา เป็นจุดสำคัญที่สุด แล้วท่านล่ะคิดจะเขย่าบ้างหรือยัง ?